วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เคล็ดไม่ลับกับการดูแลเส้นผมของคุณ



                เคล็ดไม่ลับกับการดูแลเส้นผมของคุณ






          ผมนุ่มสลวย มีน้ำหนัก เป็นเงางาม เป็นที่ปรารถนา

ของผู้หญิงทุกคน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผม

ของแต่ละคน นอกจากนี้ การดูแลผมที่ผิดวิธีก็ทำให้ผมเสีย

จัดทรงยาก ดูไม่มีชีวิตชีวา โดยเฉพาะผู้ที่มีผมเส้นเล็ก

มักจะมีปัญหาในการจัดแต่งทรงผมยากเป็นพิเศษ

จนกลายเป็นความกังวล 


          ต่อไปนี้คุณไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว เพราะมีผลิตภัณฑ์


 
ดูแลเส้นผมชนิดต่างๆ ให้คุณเลือกมากมาย คงมีบางชนิดที่

เหมาะกับลักษณะเส้นผมของคุณ นอกจากนี้ เรายังมีเคล็ด

 (ไม่ลับ) มากระซิบบอกคุณถึงวิธีดูแลจัดแต่งทรงผม

โดยเฉพาะสำหรับผมเส้นเล็ก เพื่อคุณจะได้มีทรงผมสวย

อย่างที่คุณใฝ่ฝันมานาน แล้วคุณจะตะลึงกับความสวยของคุณ

หลังจากที่ได้ทดลองทำตามข้อแนะนำทุกข้อต่อไปนี้


 







1 ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม

          ผมเส้นเล็กบาง ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเคราติน คาราไมล์ หรือแพนทีนอล เพื่อปกป้องเส้นผมให้รอดพ้นจากการทำลายของสายลม แสงแดด และช่วยให้ผมดูหนาขึ้น


2 เปลี่ยนผมแสกข้าง
          ถ้าคุณแคยแต่แสกผมอยู่ข้างเดียวมาตลอด จะทำให้
ทรงผมแบนราบอยู่ด้านเดียว ทดลองเปลี่ยนผมแสกข้างมา
อีกด้านหนึ่งบ้างจะทำให้ผมดูหนาและได้รูปทรงดีขึ้น
ช่วยหนีความจำเจได้อีกด้วย


3 แชมพูช่วยขจัดสารเคมีที่ตกค้าง

          หากใช้ยาสระผมจำพวก แคลริฟายอิง แชมพู
(Clarifing Shampoo) จะทำให้ผมเส้นเล็กดูหนาและ
จัดทรงง่ายขึ้น คุณควรสระผมด้วย แคลริฟายอิง แชมพู
อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง เพื่อชำระล้างสารเคมีที่ตกค้างบนเส้นผม
 ปรับสภาพสู่สมดุลตามธรรมชาติ


4 ผมแห้ง
          ไม่ควรใส่ทรีตเมนต์ขณะที่ผมยังเปียกอยู่เพราะจะไม่ได้
ผลดีเท่าที่ควร ให้ไดร์ผมเป็นรูปกากบาทจนเกือบแห้ง
 แล้วจึงนวดผมด้วยโฟมแต่งผม จากนั้นไดร์ให้แห้ง






 



5 ผลิตภัณฑ์ ทู อิน วัน

          ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท ทู อิน วัน เพราะจะมีสาร
ตกค้างติดเส้นผมทุกครั้งที่สระ จะทำให้ผมเกาะติดกันและ
ยากต่อการจัดทรงผม


6 การฉีดสเปรย์

          เมื่อทำผมเสร็จ ให้ฉีดสเปรย์จากล่างขึ้นบน สำหรับผู้
ที่มีผมยาวไม่ควรฉีดสเปรย์บนศีรษะ แต่ให้ฉีดจากด้านข้าง
และด้านล่างขึ้นมา จะทำให้ผมได้ทรงสวย


7 ใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมเพียงเล็กน้อย

          โดยปกติ คนที่มีผมเส้นเล็กมักใช้แวกซ์ เจล หรือบาล์ม
 แต่จริงๆ แล้วผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่เหมาะกับผมเส้นเล็ก
เพราะจะทำให้ผมแข็งทื่อและหยาบ นอกจากนี้ เมื่อคุณออกไป
เจอสายลม แสงแดด น้ำยาแต่งผมจะเกาะกันเป็นก้อน ลองเปลี่ยน
มาใช้สเปรย์จัดแต่งทรงผมในระหว่างไดร์ผม โดยฉีดจากล่างขึ้น
บนทีละช่อและไดร์ให้แห้ง ผมจะนุ่มสลวยได้รูปทรงดี


8 สระผมทุกวัน

          ผมเส้นเล็กมักจะมีปัญหาผมมันเร็ว จึงควรสระผมทุกวัน
ด้วยโวลุ่ม แชมพู (Volume Shampoo) โดยไม่ต้องใช้ครีมนวดผม เพื่อทำให้ผมมีน้ำหนักและหนาขึ้น






 



9 การดูแลผมเส้นเล็กแบบง่ายๆ

          โดยทั่วๆ ไป วิธีการดูแลรักษาผมเส้นเล็กบอบบางมักจะยุ่ง
ยากโดยไม่จำเป็น ผลิตภัณฑ์พิเศษในการดูแลรักษาผมเส้นเล็กก็
คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีโวลุ่มเพียงเล็กน้อยก็ช่วยทำให้เส้นผมแข็งแรงเพียงพอ


10 ทำทรงผมให้มีชีวิตชีวา

          ฉีดผมให้ชื้น จากนั้นนวดผมด้วยครีมจัดแต่งทรงผมหรือโฟมเล็กน้อย และปล่อยให้แห้งเอง


11 ทำผมให้ตัวเอง

          ผู้ที่มีผมยาวและเหยียดตรง หากมัดผมให้สูงเป็นหางม้า
ทิ้งไว้ทั้งคืน รุ่งขึ้นคุณจะมีผมทรงใหม่อีกสไตส์หนึ่ง ประหยัด
ทั้งเงินและเวลาเข้าร้านทำผม


12 เครื่องไดร์ผม

          การไดร์ผมอย่างถูกวิธีจะทำให้สวยได้นานหลายชั่วโมง
 เพราะว่ารูเล็กๆ ของเครื่องไดร์ผม จะเป่าตรงโคนผมได้ ทำให้
ทรงผมอยู่ตัว



 







13 ผมเย็น

          หลังจากที่ไดร์ผมเสร็จแล้ว ควรปล่อยให้ผมเย็นลงทุกครั้ง
ก่อนที่จะแต่งทรงผม เพราะจะทำให้ผมดูหนาและอยู่ทรงได้นาน
 ไม่ทำลายสภาพผมด้วย


14 โรลม้วนผมจัมโบ้

          สำหรับผู้ที่ไว้ผมยาวหรือมีความยาวระดับไหล่ ให้ไดร์ผม
จนเกือบแห้ง จากนั้นฉีดโวลุ่มสเปรย์ (Volume Spray) ให้ชื้นแล้ว
จึงม้วนผมด้วยโรลจัมโบ้ (อย่าม้วนผมลดหลั่นกัน แต่ให้ม้วนไปรอบๆ) จากนั้น ไดร์ผมและปล่อยให้เย็นลง ก็จะได้ผมสวยตามต้องการ


15 การทำให้ผมไม่แบนราบ

          เทคนิคการตัดผมเพื่อหนุนให้ผมได้ทรงตามต้องการและ
แลดูหนา สำหรับผมที่ไม่มีน้ำหนักและยาวแค่คาง ให้แบ่งผมบน
ศีรษะและตัดผมบริเวณโคนผม สัก 2-3 ซ.ม. ให้เป็นรูปสามเหลี่ยมเล็กๆ จะช่วยให้จัดผมได้รูปทรงสวยและไม่แบนราบ


16 เทคนิคสำหรับผมสั้น

          นวดผมด้วยน้ำยาจัดแต่งทรงผม แล้วจึงหนีบผมด้วยที่หนีบ
และไดร์ผมที่โคน จากนั้นปล่อยให้เย็นลง ดึงที่หนีบออก
และเอานิ้วยีผมให้เป็นทรง


17 แปรง

          ก่อนที่ผมจะแห้ง ให้ไดร์ผมโดยใช้แปรงกลม หวีเข้าด้าน
ในบ้าง ด้านนอกบ้างสลับกันไป แล้วจึงฉีดสเปรย์


18 การไดร์ผม
          ไม่ควรไดร์ผมทันทีหลังสระ แต่เช็ดผมพอหมาดด้วยผ้า
ขนหนูก่อน จากนั้นฉีดโวลุ่มสเปรย์ที่โคนผมแล้วจึงไดร์ผมทั้ง
ศีรษะโดยใช้มือช่วย


19 ผมอยู่ทรง
          แบ่งผมแล้วจับยกให้สูง จากนั้นฉีดสเปรย์ที่โคนผมและ
ไดร์ให้แห้งแล้วปล่อยให้ผมเย็นลง วิธีนี้จะทำให้ผมอยู่ทรงและ
ดูหนาขึ้น


                     วิธีหมักผมสูตรต่างๆ


เบียร์หมักผม สูตรนี้จะช่วยให้ผมลื่น นุ่มสลวยค่ะ ......
วิธีการ ก็ไม่มีอะไรมาก หลังสระผมและเช็ดให้หมาด
แล้วก็เปิดเบียร์เย็นๆราดลงบนเส้นผม หมกทิ้งไว้20นาที
แล้วล้างออกค่ะ


หมักผมด้วยไข่แดงกับน้ำมันมะกอก  .....
วิธีการนะคะ ให้นำไข่ไก่มาแยกเอาแต่เฉพาะไข่แดง
คนผสมกับน้ำมันมะกอกซัก2ช้อนโต๊ะ หมักลงบนผม
ที่แห้งยังไม่ต้องสระนะคะ เน้นที่ปลายผม ทิ้งไว้ 20นาที
ล้างออกแล้วค่อยสระผมค่ะ





สูตรผมมีน้ำหนัก
             ผลไม้เมืองหนาวอย่างอะโวคาโดมีคุณสมบัติช่วยทำให้เส้นผมของคุณดูมีน้ำหนัก 
 เพิ่มวอลุ่ม  แก้ปัญหาผมลีบแบนได้  วิธีก็แสน ง่าย  ใช้ช้อนตักเนื้ออะโวคาโดประมาณ  ½  ลูก 
 ยี ให้เป็นเนื้อเละๆแล้วผสมกับน้ำมันมะกอกหรือเบบี้ออยล์  2  ช้อนโต๊ะ  ชโลมเส้นผมหลังสระ
ทำเป็นประจำทุกสัปดาห์  ไม่ต้อง เสียเงินใช้ทรีตเม้นท์ราคาแพงเลยค่ะ 
 สูตรผมปราศจากรังแค
        ใช้น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำมะกรูดเผาไฟ  3  ลูก  น้ำ มาผสมกัน 
นำมาชโลมให้ทั่วพัก ไว้  20  นาทีหรือนานกว่านั้น ถ้าคุณมีเวลา  ทำประมาณ  2  ครั้ง
ต่อสัปดาห์  ประมาณ  1-2  เดือนรังแคจะหายขาดค่ะ
สูตรขจัดผมมัน 
         ถ้าคุณต้องการสระผมทุกวันก็ควรใช้แชมพู สูตรอ่อนโยนหรือสูตรสำหรับผมมัน
โดยเฉพาะ  เคล็ดลับ ที่ช่วยแก้ปัญหานี้คือ  บีบมะนาว  1  ลูกลงไปในไข่ขาว  2  ฟอง
ตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน  ชโลมตั้งแต่หนังศีรษะจนถึงปลายผม  ถ้า คุณมีเส้นผมยาวมาก
ก็สามารถเพิ่มปริมาณของส่วนผสมมากขึ้นได้






วิธีต่างๆ ก็เหมาะกับสภาพเส้นผม ของแต่ละคนนะคะ

ลองวิธีที่เหมาะกับเส้นผมของคุณ... 





ขอขอบคุณ          ภาพสวยๆจากกูเกิ้ล

ขอบคุณเนื้อหา    จากหนังสือเคล็ดลับสุขภาพผมสวย

รวบรวมและเรียบเรียง      ปรัณชญา สีสัมฤทธิ์

วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สมุนไพรไทย และภูมิปัญญาชาวบ้าน (ขุมทรัพย์วิถีไทย)




                   สมุนไพรไทยรักษาโรค ภูมิปัญญาชาวบ้านที่ทรงคุณค่า




เกร็ดความรู้ของสมุนไพร



ใบกะเพราตากแห้ง                                   ใช้ต้มดื่มน้ำ ช่วยขับปัสสาวะ

ใบมะยม+รากเตย+ใบหญ้าหวาน              ใช้ต้มดื่มน้ำช่วยบำรุงหัวใจ ต้านเบาหวาน

                                                                  ฟื้นฟูตับอ่อนให้แข็งแรง

ใบโหระพา                                                 กินวันละ 7 ยอด เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยดูแลปอด

                                                                   ตับ ม้าม ไต หัวใจให้แข็งแรง

ใบโหระพาปั่นกับสับปะรด                          ช่วยสร้างเม็ดเลือด

ใบเตย+ใบมะนาว                                        ต้มรวมกันดื่มน้ำ ช่วยสร้างเม็ดเลือด





herb1














                         ใบหญ้าหวาน




ใบเตย+แก่นขนุน                         ต้มรวมกันดื่มน้ำ ช่วยสร้างเม็ดเลือด

ใบเตย+แก่นฝาง                          ต้มรวมกันดื่มน้ำ ช่วยสร้างเม็ดเลือด

ใบเตย+แฮ่ม                                 ลดน้ำตาลในเลือด แก้ไมเกรน

ใบยอ                                            นำเอาใบมาย่างไฟ แล้วยำกินช่วยบำรุงเลือดได้ดี

ใบหูเสือ                                         กินช่วยขับพยาธิได้

ใบขี้เหล็ก                                      ช่วยขับถ่าย และช่วยให้นอนหลับดีขึ้น





                                                                       ใบหูเสือ



     
       




มันเทศ                                                  ลดความอ้วน อุ้มไขมันไปทิ้ง ลดความชื้นของม้าม

                                                             ซุปมันเทศลดอาการตัวบวม

แกงบอน ขมิ้นชัน มันเทศ                     เป็นอาหารลดความชื้นของม้ามและปอด

ขิงสด                                                   แก้เบื่ออาหาร ช่วยย่อยอาหาร ใช้คั้นน้ำสดๆ มาผสม

                                                             น้ำกระชาย  จะย่อยอาหารในผู้สูงอายุ

พริกหอม                                               ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี บำรุงเลือด แก้เลือดหนืด

                                                             หูตาฝ้าฟาง ละลายไขมัน ฆ่าเชื้อไวรัส ต้านหวัด






                                                                           ลูกมะเดื่อ



ลูกมะเดื่อ                                         บำรุงหัวใจ


สะเดา                                              เพิ่มน้ำย่อย น้ำดี ล้างไขมัน ลดเบาหวาน

                                                        ควรลวกน้ำร้อนก่อนกิน

บอระเพ็ด                                         ล้างไขมัน ในลำไส้ ช่วยให้นอนหลับ

                                (ตัดบอระเพ็ดยาว 1 เกียก ทุบหรือหั่น เติมน้ำ 2 แก้ว  แล้ว ต้มดื่มน้ำ)






                                                               มะม่วงหาว มะนาวโห่



ผักชี                                                         ต้านอนุมูลอิสระ แก้ไขสะบัดร้อน สะบัดหนาว


                                                                ใช้กินสดๆ หรือปั่นผสมเครื่องดื่มได้


มะม่วงกวนตากแห้ง                                 ต้มน้ำแล้วดื่ม จะได้เอสโตรเจนสูงกว่ามะม่วงสุก


                                                                ถึง 4 เท่าตัว


มะม่วงหาว มะนาวโห่                               กินเฉพาะน้ำ มีเอสโตรเจนสูง มีวิตามินซีช่วย


                                                                ต้านอนุมูลอิสระ


น้ำมะพร้าว                                               กินเฉพาะน้ำ มีเอสโตรเจน ส่วนเนื้อมะพร้าว มี


                                                                เทสโทสเตอโรน (มะพร้าวเผาไม่มีเอสโตรเจน)

ดอกอัญชัญ                                             ใช้ดอกตากแห้ง ต้มน้ำดื่ม ช่วยแก้น้ำเหลือง

                                                                เสียในร่างกาย ช่วยย่อยและดูแลตับ เส้นผม

                                                                ขน เล็บ







                                                                           รางจืด



หัวไชเท้า                                           ล้างสารพิษในร่างกาย อุ้มไขมันไปทิ้ง ล้างพิษ


                                                           จากการกินโสม


รางจืด บอระเพ็ด                                 ลดน้ำตาลในเลือด


ว่านชักมดลูก                                      ลดน้ำตาลในเลือด


ไข่เน่า                                                 เป็นผลไม้ที่บำรุงสมองและไต ได้ดีที่สุดในบรรดา


                                                           ผลไม้ทั่วไป มีแคลเซียมสูง ช่วยบำรุงกระดูก


เม็ดบัว                                                 บำรุงไต เพศ สมอง ต้มให้เปื่อยกินช่วยฟื้นไข้

                                                            และช่วยสตรี ที่มีบุตรยาก









ดีบัว                                                   บำรุงถุงน้ำดี และหลอดเลือด ที่ไปเลี้ยงหัวใจ


ยอดแค ดอกแค                                 บำรุงเลือด บำรุงปอด มีธาตุเหล็กสูง

                                                          มีเบต้าแคโรทีนสูงมาก

รากบัว                                                ต้มกับกระดูกหมู บำรุงหัวใจ



                        ภูมิปัญญาชาวบ้าน วิถีไทยที่ควรรักษา

                      สมุนไพรไทย สมุนไพรมหัศจรรย์ของโลก





เครดิต ภาพจากกูเกิ้ล

ข้อมูล  จากหนังสือสมุนไพร กินอย่างไร ไร้โรคภัย

รวบรวม เรียบเรียง   ปรัณชญา สีสัมฤทธิ์









วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

วิตามินชะลอความแก่ "วิตามินอี" นางเอกของผิวสาว



                                              วิตามินอี นางเอกของผิวสาว







                    เคยมีคนถามว่า ถ้าอยากเสริมสุขภาพ ด้วยวิตามินเกลือแร่เพียงชนิดเดียว 

                                           คุณจะเลือกกินอะไร? ด้วยเหตุผลอะไร?


      โดยส่วนใหญ่ได้คำตอบแบบเดียวกัน คือ วิตามินอี  วิตามินที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและซีลีเนียม

คืออาหารเสริมที่พวกเขาคิดจะเลือกกินเป็นอันดับแรก เพื่อปกป้องมนุษย์จากโรคที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม

อันเลวร้ายเช่นในปัจจุบัน.....


       วิตามินที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมีหลายตัว แต่ที่ฮือฮาที่สุด ทั้งกิน และทั้งทำในรูปครีม โลชั่น

ผสมเครื่องสำอางมากมายหลายยี่ห้อ  นั่นคือวิตามินอี








ความเป็นมาของวิตามินอี

                    นักวิทยาศาสตร์ค้นพบวิตามินอีในปี ค.ศ.1932 ต่อมาสกัดให้บริสุทธิ์ได้ในปี ค.ศ.1936

 และสามารถหา โครงสร้างทางเคมีสำเร็จในปี ค.ศ.1938.....

                   วิตามินอีเป็นสารที่ละลายได้ดีในน้ำมัน  ประกอบด้วยสารประกอบ กลุ่มหนึ่งที่เรียกเป็น

ภาษาวิทยาศาสตร์ว่า  Tocopherols


                    

หน้าที่ของวิตามินอี

หนึ่ง  เป็นสารเคมีที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับขับเคลื่อนปฏิกิริยาเคมี ในสิ่งมีชีวิต

สอง  เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ถ้าคนเรามีสารต้านอนุมูลอิสระในกระแสเลือดมากขึ้น เราก็จะแข็งแรง

และตายช้าลง คืออายุยืน สุขภาพแข็งแรงนั่นเอง



" ในส่วนของเซลล์ผิวหนัง อนุมูลอิสระ ทำให้คอลลาเจน และอีลาสติน เสื่อมสภาพ ผิวหนัง

แห้งเหี่ยว  เกิดริ้วรอยตีนกาก่อนวัยอันควร "


******สารต้านอนุมูลอิสระตัวที่มีฤทธิ์แรง ประสิทธิภาพสูง และราคาไม่แพง มีในอาหาร

หลายชนิด คือวิตามินอีนี่เอง







ประโยชน์ของการทาครีมที่มีส่วนผสมของ วิตามินE ในการป้องกันและรักษาผิวพรรณ

1. ช่วยลดอัตราการทำลายของแสงแดด ที่ทำให้เกิดรอยแดง

2. ลดอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังจากแสงแดด 

3. ช่วยชลอความชราภาพของผิว ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น แตกลาย

4. การให้ความชุ่มชื้นและ ลดความหยาบกร้านของผิวพรรณ








        จะเห็นว่าวิตามินอี มีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันผิวและช่วยบำรุงรักษาผิว 

การใช้วิตามินอีเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางจะได้ผลดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปริมาณวิตามินอี

 ที่ผสมอยู่ในเครื่องสำอาง ปริมาณวิตามินอีที่ใช้เป็นส่วนผสมในครีมบำรุงจะต้องมีปริมาณ

ความเข้มข้นที่ เหมาะสม เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่







ประโยชน์ของวิตามินอี

- ช่วยทำให้แลดูอ่อนกว่าวัย โดยชะลอกระบวนการเสื่อมสภาพของเซลล์

- ช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี

- ช่วยนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายเพื่อเพิ่มสมรรถภาพความทนทาน

- ช่วยปกป้องปอดจากมลพิษทางอากาศ โดยทำงานร่วมกับวิตามินเอ

- ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้หลายชนิด

- เพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโรคให้เม็ดเลือดขาวชนิดทีเซลล์

- ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม

- ป้องกันและสลายลิ่มเลือด
- ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลีย

- ลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจก

- ป้องกันแผลเป็นหนานูน ทั้งภายนอกและภายใน

- เร่งให้แผลไหม้บริเวณผิวหนังหายเร็วยิ่งขึ้น

- ทำงานคล้ายยาขับปัสสาวะ ช่วยลดความโลหิต

- ช่วยในการป้องกันภาวะแท้ง

- บรรเทาอาการตะคริวหรือขาตึง

- ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและอัมพฤกษ์ อัมพาต

- ลดความเสี่ยงและความรุนแรงของโรคอัลไซเมอร์ได้ โรคจากการขาด วิตามินอี เม็ดเลือดแดงถูก


ทำลาย กล้ามเนื้อฝ่อ โรคโลหิตจาง โรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์







แหล่งที่พบได้ตามธรรมชาติ

ไข่ จมูกข้าวสาลี ขนมปังโฮลวีต ซีเรียลชนิดโฮลเกรน แป้งทำขนมปังแบบเสริมวิตามิน ถั่วเหลือง


น้ำมันพืช น้ำมันเมล็ดฝ้าย น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันข้าวโพดถั่ว เมล็ดทานตะวัน

เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ (วอลนัท พีแคน ถั่วลิสง จะมีแกมมาโทโคฟีรอลมากเป็นพิเศษ) กะหล่ำปลี

 กะหล่ำดาว ผักใบเขียว ผักขม อะโวคาโด(เฉพาะเนื้อ) ปวยเล้ง






               เนื่องจาก วิตามิน อี มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง และที่สำคัญเป็นแอนติออกซิแดนท์

 ซึ่งทำให้เซลล์ต่าง ๆ รอดพ้นจากท็อกซิน จึงมีผู้ที่นิยมพูดกันว่า วิตามิน อี ช่วยชะลอความแก่ได้

ซึ่งที่จริงแล้ว วิตามิน อี มีประโยชน์ต่อผิวหนัง โดยเหตุที่วิตามิน อี สามารถละลายได้ในน้ำมัน

จึงเพียงแต่ทำให้     ผิวหนังดูสดใสสดชื่น จึงทำให้เข้าใจไปว่า วิตามิน อี เป็นยาที่รักษาความ

เป็นหนุ่มเป็นสาวได้







 *****อาหารที่มีวิตามิน อี เช่น น้ำมันพืช จมูกข้าว ปลา ข้าวที่ไม่ขัดขาว ถั่ว ผักโขม

  บร็อคโคลี   คะน้า น้ำมันพืช ไข่ ถั่วเหลือง













*****ตัวที่ทำลายวิตามิน อี ตัวที่สามารถทำลายวิตามินอีได้ คือ ความร้อน ออกซิเจน

  อากาศที่เย็นแข็ง สารรักษาอาหาร ธาตุเหล็ก คลอรีน ฯลฯ






                    วิตามินอี สิ่งที่สาวๆคลั่งไคล้นั่น มีคุณประโยชน์มากมาย ในชีวิตของเราค่ะ


                          แบ่งเวลาดูแลสุขภาพ รักษาผิวพรรณ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ


                         รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ เน้นผักและผลไม้ นะคะ


                                                                                        ด้วยความปรารถนาดีจาก


                                                                                            ปรัณชญา สีสัมฤทธิ์

                                                                                    ผู้รวบรวมและเรียบเรียงข้อมูล


prunchaya.blogspot.com
sweetmango4545.blogspot.com
facebook prunchaya@gmail.com


วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556

วิตามินสู้หวัด ภูมิแพ้ วิตามินซี



                  อ่านง่ายเข้าใจเร็ว มารู้จักวิตามินซี กันดีกว่า

                                  วิตามินซี vitamin C หรือ กรดแอล-แอสคอร์บิก

                  เป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ร่างกายไม่สามารถที่จะสร้างขึ้นเองได้

                                    จึงจำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานเข้าไป

             วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยเพิ่มภูมิชีวิตได้เป็นอย่างดี

          เพราะสามารถป้องกันและรักษาการอักเสบอันเนื่องมาจากแบคทีเรียและไวรัสได้





                                                           แหล่งวิตามินซี

                  แหล่ง วิตามินซี มีมากในผักตระกูลกะหล่ำ การเก็บเกี่ยวผักผลไม้ตั้งแต่ยังไม่แก่จัด

                          ไม่สุกดี หรือนำไปผ่านการแปรรูป ไม่ว่าจะเป็นการตากแห้ง หมักดอง

                                     จะทำลายวิตามินซีที่อยู่ในอาหารไปในปริมาณมาก

              แต่เนื่องจากความร้อนสามารถทำลายวิตามินซีได้ง่าย จึงไม่ควรต้มหรือผัดนานเกินไป

                                      แต่การแช่เย็นไม่ได้ทำให้ผักผลไม้สูญเสียวิตามินซี




แหล่งวิตามินในธรรมชาติ จำนวน และปริมาณสารอาหารที่ได้รับ


           ***  อะเซโรลาเชอรี่ น้ำหนัก 100 กรัม 1600 มิลิกรัม

           ***  ฝรั่ง น้ำหนัก 100 กรัม 230 มิลลิกรัม

           ***  สับปะรด 1 ชิ้นใหญ่(โดยเฉลี่ย) 20-30 มิลลิกรัม

           ***  กะหล่ำดอก น้ำหนัก 100 กรัม 49 มิลลิกรัม

           ***  บรอกโคลี่น้ำหนัก 100 กรัม 84 มิลลิกรัม

           ***  น้ำมะนาว 1 แก้ว(100 กรัม) 34 มิลลิกรัม

           ***  มันฝรั่ง น้ำหนัก 100 กรัม 21.3 มิลลิกรัม

           ***  กะหล่ำปลี น้ำหนัก 100 กรัม 49 มิลลิกรัม

           ***  กล้วยชนิดต่างๆ 1 ลูก(โดยเฉลี่ย) 8.5 มิลลิกรัม

           ***  พริกหวาน 1 เม็ด(โดยเฉลี่ย) 100-120 มิลลิกรัม

           ***  ผักโขม น้ำหนัก 100 กรัม 76.5 มิลลิกรัม

           ***  สตรอเบอร์รี่ น้ำหนัก 100 กรัม 77 มิลลิกรัม

           ***  มะเขือเทศ น้ำหนัก 100 กรัม 21.3 มิลลิกรัม

           ***  มะละกอ น้ำหนัก 100 กรัม 60 มิลลิกรัม




                                     โทษและอันตรายจากการขาดวิตามินซี

            ผู้ที่ขาดวิตามินซี มักมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดตามข้อต่อของร่างกาย

                                     เลือดออกตามไรฟัน เจ็บกระดูก แผลหายช้า

           เนื่องจากวิตามินซีทำหน้าที่ต่อต้านการอักเสบและช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

          ของร่างกาย การได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอจะทำให้เส้นเลือดในร่างกายอ่อนแอ

              และทำให้บาดแผลที่เกิดขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกายหายช้ากว่าปกติ

                                                  เป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย


                                                วิตามิน ซี มีคุณสมบัติ


                               ****เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หรือตัวต่อต้านสารก่อมะเร็ง

                              และช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และวิตามินซี

                             ยังช่วยให้ร่างกายสามารถรีไซเคิลสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ

                              ดังนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดจึงควรที่จะรับประทาน วิตามินซี

                  ร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ เช่น วิตามินอี แคโรทีน ฟลาโวนอย เป็นต้น

                      ถ้าร่างกายขาดวิตามินซี จะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายลดต่ำลง

                        และทำให้ ติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ง่าย เป็นโรคลักปิดลักเปิด

                    ในกรณีของเด็กหรือผู้สูงอายุที่ได้รับวิตามินซีน้อยกว่าวันละ 10 มิลลิกรัม

                    อาจทำให้เป็นโรคลักปิดลักเปิดได้ หากร่างกายขาดวิตามินซีมากเกินปกติ

                     อาจทำให้มีลูกยาก เป็นโรคโลหิตจางและมีภาวะความผิดปกติทางจิตได้






                                       ประโยชน์ของวิตามินซี


        - วิตามินซี ช่วยบรรเทาความรุนแรงและระยะเวลาของการเป็นโรคหวัด

          หากเริ่มรับประทานวิตามินซีตั้งแต่เริ่มแรกที่เห็นอาการของโรคหวัด

          จะช่วยให้อาการป่วยลดความรุนแรงและหายได้เร็วขึ้น มีการศึกษาเมื่อปี 1995

          พบว่าหากรับประทานวิตามินซี 1,000 ถึง 6,000 มิลลิกรัมต่อวัน

          ตั้งแต่เริ่มมีอาการของโรคหวัดจะช่วยให้หายได้เร็วขึ้น 21% แต่ก็ยังไม่มีรายงานว่า

          วิตามินซีสามารถช่วยป้องกันโรคหวัดได้


        - วิตามินซีช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้นเนื่องจากวิตามินซีช่วยให้ร่างกาย

          ซ่อมแซมและรักษาตัวเองโดยการไปเสริมสร้างผนังเซลล์

          ทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรงและต่อต้านอาการอักเสบจึงทำให้แผลหายได้เร็วขึ้น

          ในทางกลับกันการขาดวิตามินซีก็ส่งผลให้แผลให้ได้ช้าลงเช่นกัน


        - หากรับประทานวิตามินซีเป็นประจำทุกวัน มันจะช่วยให้เหงือกมีสุขภาพแข็งแรง

          โดยวิตามินซีจะไปช่วยรักษาเซลล์ที่ถูกทำลายและช่วยให้แผลที่เหงือกหายเร็ว


       - เพิ่มความต้านทานต่อโรคหัวใจ โดยการไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุม

         ระดับคลอเรสเตอรอลในร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับประทานร่วมกับวิตามินอี

         โดยมันจะไปลดการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด


      - เนื่องจากวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีมันจึงอาจจะช่วยในการป้องกัน

        และต่อสู้กับโรคมะเร็งได้ มีการศึกษาอย่างมากในเรื่องนี้แต่ก็ยังไม่ข้อสรุปที่ชัดเจน

       โดยยังมีการถกเถียงกันอย่างมากเกี่ยววิตามินซีกับการป้องกันและต่อสู้กับโรคมะเร็ง


     - ช่วยในการป้องกันโรคต้อกระจก เนื่องจากวิตามินซีสามารถช่วยปกป้องเลนส์ตา

       จากอันตรายต่างๆ เช่น ควันบุหรี่ แสงอุลตร้าไวโอเลต ที่เป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดโรคต้อกระจก

       มีการศึกษาอันหนึ่งพบว่าผู้หญิงที่รับประทานวิตามินซีมาอย่างน้อย 10 ปี

       พบว่ามีความเสี่ยงที่จะมีอาการเลนส์ตาขุ่นมัวซึ่งเป็นอาการเริ่มแรกของโรคต้อกระจก

       ลดลงถึง 77%


     - บรรเทาอาการแพ้ หอบหืด ไซนัส ทั้งนี้เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้ววิตามินซี

       มีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านภูมิแพ้ต่างๆ เช่น ฝุ่นละออง เกษรดอกไม้

       ซึ่งอาการแพ้เหล่านี้ก็เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของโรคไซนัส นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า

       วิตามินซีช่วยป้องกันและทำให้อาการหอบหืดดีขึ้น


     - ช่วยป้องกันอาการไมเกรนเมื่อรับประทานร่วมกับ pantothenic acid โดยวิตามินซี

       จะไปช่วยร่างกายในการต่อสู้กับความเครียดได้ดีขึ้น


     - ช่วยเรื่องความจำ โดยวิตามินซีจะไปช่วยรักษาสภาพของเซลล์ประสาท

       และจะได้ผลดียิ่งขึ้นหากรับประทานร่วมกับอาหารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ

       เช่น วิตามินอี แคโรทีน กิงโกะไบโลบ้า และโคเอนไซม์ Q10



                                     โทษของวิตามินซี


- การรับประทานในปริมาณสูงๆ อาจจะมีผลต่อการดูดซึมแร่ธาตุอื่นๆ เช่น Copper Selenium

- การรับประทานในปริมาณสูงๆ อาจจะมีผลต่อการผิดพลาดของผลตรวจระดับน้ำตาลในปัสสาวะได้

- วิตามินซีทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีจึงอาจจะเกิดภาวะได้รับธาตุเหล็กเกิน

- การรับประทานวิตามินซี เกินกว่าร่างกายต้องการ ในแต่ละวัน ร่างกายของเรา

  มีกระบวนการจัดการกับวิตามินซีที่เหลือ คือการขับออกทางปัสสาวะ โดยธรรมชาติ

  ไม่ต้องกังวลมากนะคะ..........



 



ขอขอบคุณข้อมูลจาก  หนังสือพลังมหัศจรรย์ในอาหาร

ขอขอบคุณข้อมูลจาก  ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศการประชาสัมพันธ์
ขอขอบคุณภาพจาก     อินเตอร์เนต




                                                                           ด้วยความปรารถนาดีจากผู้เรียบเรียง

                                                                                        ปรัณชญา  สีสัมฤทธิ์









วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556

บทความและแง่คิด ของชีวิตที่กำลังก้าวเดิน




            ชีวิตของคนเรา จะขาดอะไรก็ขาดได้ แต่อย่าขาดกำลังใจ


Never give up on something you really want.
However impossible things my seem,
There's always a way.

อย่ายอมแพ้ที่จะทำตามฝัน
แม้ว่ามันดูยากเกินจะเป็นความจริงได้
จำไว้เถอะว่า ทุกอย่างมีหนทางและความเป็นไปได้ด้วยกันทั้งนั้น







Do not allow what you cannot do,
Interfere with what you can do.
You can reach your dreams faster
Doing things you're good at.

อย่าปล่อยให้สิ่งที่คุณทำไม่ได้
มาเป็นอุปสรรคในการทำสิ่งที่คุณทำได้
คุณสามารถเอื้อมคว้าความฝันให้เร็วขึ้นได้
หากเลือกทำในสิ่งที่คุณรัก







Break free from negative people
Because negativity has a way of passing
From person to person
And they will drag you down with them.

พยายามออกห่างจากคนมองโลกในแง่ร้าย
เพราะการมองโลกในแง่ร้ายนั้นสามารถติดต่อกันได้
และมันจะทำให้คุณตกต่ำลงไปด้วย







Never miss the opportunity to follow your dreams.
Older people who are unhappy with life
Are those with regrets.

อย่าปล่อยโอกาสที่จะทำตามฝันหลุดลอยไป
เพราะเมื่อเวลาผ่านไป คุณอาจต้องอยู่กับชีวิตบั้นปลายที่ไร้ความสุข
จากการเสียดายโอกาสที่ผ่านไปแล้วและไม่มีวันหวนกลับมาอีก

 






People can't love and appreciate others,
If they cannot love and appreciate themselves.

คนเราไม่อาจรักและเห็นคุณค่าของใครได้
หากยังไม่รู้จักรักและเห็นคุณค่าของตัวเอง  

 







People grow through experience
If they meet life honestly and courageously.
This is how character is built.

คนเราเติบโตขึ้นได้จากประสบการณ์
หากเราเลือกที่จะเผชิญชีวิตอย่างซื่อสัตย์และกล้าหาญ
และนั่นคือสิ่งที่หล่อหลอมให้เราเป็นเราอย่างทุกวันนี้








Good things can come
From unexpected places.

บางครั้งสิ่งดี ๆ ก็อาจมาจากที่ซึ่งคุณคาดไม่ถึง







You might meet a hundred acquaintances
Just to find a few special friend.

คุณอาจต้องทำความรู้จักกับผู้คนนับร้อย
กว่าจะได้พบเพื่อนแท้เพียงไม่กี่คน

 





Never take for granted
All the things you have today
And most of all,
Enjoy what you have everyday.

อย่าทำให้วันของคุณสูญเปล่า
จงมีความสุขกับสิ่งที่คุณมีในทุก ๆ วัน

 






 
The tragedy in life doesn't lie in not reaching your goal.
The tragedy lies in not having a goal to reach.

เรื่องเศร้าในชีวิตไม่ใช่การที่เราไปไม่ถึงฝัน
แต่เป็นการที่เราอยู่โดยไม่มีความฝันต่างหาก






ขอให้ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความหวัง  ก้าวเดินต่อไปด้วยหัวใจที่กล้าแกร่ง


จะคอยเป็นกำลังใจ ให้เพื่อนๆ ทุกคน ชีวิตเราอาจขาดบางสิ่งได้


แต่อย่าขาดกำลังใจนะคะ  


 ปรัณชญา  สีสัมฤทธิ์






เครดิต....     ภาพ จากกูเกิ้ล 
ข้อความจาก .....  ผู้เขียนเอง
   และ...          กระปุกดอทคอม