วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556

วิตามินสู้หวัด ภูมิแพ้ วิตามินซี



                  อ่านง่ายเข้าใจเร็ว มารู้จักวิตามินซี กันดีกว่า

                                  วิตามินซี vitamin C หรือ กรดแอล-แอสคอร์บิก

                  เป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ร่างกายไม่สามารถที่จะสร้างขึ้นเองได้

                                    จึงจำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานเข้าไป

             วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยเพิ่มภูมิชีวิตได้เป็นอย่างดี

          เพราะสามารถป้องกันและรักษาการอักเสบอันเนื่องมาจากแบคทีเรียและไวรัสได้





                                                           แหล่งวิตามินซี

                  แหล่ง วิตามินซี มีมากในผักตระกูลกะหล่ำ การเก็บเกี่ยวผักผลไม้ตั้งแต่ยังไม่แก่จัด

                          ไม่สุกดี หรือนำไปผ่านการแปรรูป ไม่ว่าจะเป็นการตากแห้ง หมักดอง

                                     จะทำลายวิตามินซีที่อยู่ในอาหารไปในปริมาณมาก

              แต่เนื่องจากความร้อนสามารถทำลายวิตามินซีได้ง่าย จึงไม่ควรต้มหรือผัดนานเกินไป

                                      แต่การแช่เย็นไม่ได้ทำให้ผักผลไม้สูญเสียวิตามินซี




แหล่งวิตามินในธรรมชาติ จำนวน และปริมาณสารอาหารที่ได้รับ


           ***  อะเซโรลาเชอรี่ น้ำหนัก 100 กรัม 1600 มิลิกรัม

           ***  ฝรั่ง น้ำหนัก 100 กรัม 230 มิลลิกรัม

           ***  สับปะรด 1 ชิ้นใหญ่(โดยเฉลี่ย) 20-30 มิลลิกรัม

           ***  กะหล่ำดอก น้ำหนัก 100 กรัม 49 มิลลิกรัม

           ***  บรอกโคลี่น้ำหนัก 100 กรัม 84 มิลลิกรัม

           ***  น้ำมะนาว 1 แก้ว(100 กรัม) 34 มิลลิกรัม

           ***  มันฝรั่ง น้ำหนัก 100 กรัม 21.3 มิลลิกรัม

           ***  กะหล่ำปลี น้ำหนัก 100 กรัม 49 มิลลิกรัม

           ***  กล้วยชนิดต่างๆ 1 ลูก(โดยเฉลี่ย) 8.5 มิลลิกรัม

           ***  พริกหวาน 1 เม็ด(โดยเฉลี่ย) 100-120 มิลลิกรัม

           ***  ผักโขม น้ำหนัก 100 กรัม 76.5 มิลลิกรัม

           ***  สตรอเบอร์รี่ น้ำหนัก 100 กรัม 77 มิลลิกรัม

           ***  มะเขือเทศ น้ำหนัก 100 กรัม 21.3 มิลลิกรัม

           ***  มะละกอ น้ำหนัก 100 กรัม 60 มิลลิกรัม




                                     โทษและอันตรายจากการขาดวิตามินซี

            ผู้ที่ขาดวิตามินซี มักมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดตามข้อต่อของร่างกาย

                                     เลือดออกตามไรฟัน เจ็บกระดูก แผลหายช้า

           เนื่องจากวิตามินซีทำหน้าที่ต่อต้านการอักเสบและช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

          ของร่างกาย การได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอจะทำให้เส้นเลือดในร่างกายอ่อนแอ

              และทำให้บาดแผลที่เกิดขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกายหายช้ากว่าปกติ

                                                  เป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย


                                                วิตามิน ซี มีคุณสมบัติ


                               ****เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หรือตัวต่อต้านสารก่อมะเร็ง

                              และช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และวิตามินซี

                             ยังช่วยให้ร่างกายสามารถรีไซเคิลสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ

                              ดังนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดจึงควรที่จะรับประทาน วิตามินซี

                  ร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ เช่น วิตามินอี แคโรทีน ฟลาโวนอย เป็นต้น

                      ถ้าร่างกายขาดวิตามินซี จะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายลดต่ำลง

                        และทำให้ ติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ง่าย เป็นโรคลักปิดลักเปิด

                    ในกรณีของเด็กหรือผู้สูงอายุที่ได้รับวิตามินซีน้อยกว่าวันละ 10 มิลลิกรัม

                    อาจทำให้เป็นโรคลักปิดลักเปิดได้ หากร่างกายขาดวิตามินซีมากเกินปกติ

                     อาจทำให้มีลูกยาก เป็นโรคโลหิตจางและมีภาวะความผิดปกติทางจิตได้






                                       ประโยชน์ของวิตามินซี


        - วิตามินซี ช่วยบรรเทาความรุนแรงและระยะเวลาของการเป็นโรคหวัด

          หากเริ่มรับประทานวิตามินซีตั้งแต่เริ่มแรกที่เห็นอาการของโรคหวัด

          จะช่วยให้อาการป่วยลดความรุนแรงและหายได้เร็วขึ้น มีการศึกษาเมื่อปี 1995

          พบว่าหากรับประทานวิตามินซี 1,000 ถึง 6,000 มิลลิกรัมต่อวัน

          ตั้งแต่เริ่มมีอาการของโรคหวัดจะช่วยให้หายได้เร็วขึ้น 21% แต่ก็ยังไม่มีรายงานว่า

          วิตามินซีสามารถช่วยป้องกันโรคหวัดได้


        - วิตามินซีช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้นเนื่องจากวิตามินซีช่วยให้ร่างกาย

          ซ่อมแซมและรักษาตัวเองโดยการไปเสริมสร้างผนังเซลล์

          ทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรงและต่อต้านอาการอักเสบจึงทำให้แผลหายได้เร็วขึ้น

          ในทางกลับกันการขาดวิตามินซีก็ส่งผลให้แผลให้ได้ช้าลงเช่นกัน


        - หากรับประทานวิตามินซีเป็นประจำทุกวัน มันจะช่วยให้เหงือกมีสุขภาพแข็งแรง

          โดยวิตามินซีจะไปช่วยรักษาเซลล์ที่ถูกทำลายและช่วยให้แผลที่เหงือกหายเร็ว


       - เพิ่มความต้านทานต่อโรคหัวใจ โดยการไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุม

         ระดับคลอเรสเตอรอลในร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับประทานร่วมกับวิตามินอี

         โดยมันจะไปลดการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด


      - เนื่องจากวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีมันจึงอาจจะช่วยในการป้องกัน

        และต่อสู้กับโรคมะเร็งได้ มีการศึกษาอย่างมากในเรื่องนี้แต่ก็ยังไม่ข้อสรุปที่ชัดเจน

       โดยยังมีการถกเถียงกันอย่างมากเกี่ยววิตามินซีกับการป้องกันและต่อสู้กับโรคมะเร็ง


     - ช่วยในการป้องกันโรคต้อกระจก เนื่องจากวิตามินซีสามารถช่วยปกป้องเลนส์ตา

       จากอันตรายต่างๆ เช่น ควันบุหรี่ แสงอุลตร้าไวโอเลต ที่เป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดโรคต้อกระจก

       มีการศึกษาอันหนึ่งพบว่าผู้หญิงที่รับประทานวิตามินซีมาอย่างน้อย 10 ปี

       พบว่ามีความเสี่ยงที่จะมีอาการเลนส์ตาขุ่นมัวซึ่งเป็นอาการเริ่มแรกของโรคต้อกระจก

       ลดลงถึง 77%


     - บรรเทาอาการแพ้ หอบหืด ไซนัส ทั้งนี้เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้ววิตามินซี

       มีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านภูมิแพ้ต่างๆ เช่น ฝุ่นละออง เกษรดอกไม้

       ซึ่งอาการแพ้เหล่านี้ก็เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของโรคไซนัส นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า

       วิตามินซีช่วยป้องกันและทำให้อาการหอบหืดดีขึ้น


     - ช่วยป้องกันอาการไมเกรนเมื่อรับประทานร่วมกับ pantothenic acid โดยวิตามินซี

       จะไปช่วยร่างกายในการต่อสู้กับความเครียดได้ดีขึ้น


     - ช่วยเรื่องความจำ โดยวิตามินซีจะไปช่วยรักษาสภาพของเซลล์ประสาท

       และจะได้ผลดียิ่งขึ้นหากรับประทานร่วมกับอาหารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ

       เช่น วิตามินอี แคโรทีน กิงโกะไบโลบ้า และโคเอนไซม์ Q10



                                     โทษของวิตามินซี


- การรับประทานในปริมาณสูงๆ อาจจะมีผลต่อการดูดซึมแร่ธาตุอื่นๆ เช่น Copper Selenium

- การรับประทานในปริมาณสูงๆ อาจจะมีผลต่อการผิดพลาดของผลตรวจระดับน้ำตาลในปัสสาวะได้

- วิตามินซีทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีจึงอาจจะเกิดภาวะได้รับธาตุเหล็กเกิน

- การรับประทานวิตามินซี เกินกว่าร่างกายต้องการ ในแต่ละวัน ร่างกายของเรา

  มีกระบวนการจัดการกับวิตามินซีที่เหลือ คือการขับออกทางปัสสาวะ โดยธรรมชาติ

  ไม่ต้องกังวลมากนะคะ..........



 



ขอขอบคุณข้อมูลจาก  หนังสือพลังมหัศจรรย์ในอาหาร

ขอขอบคุณข้อมูลจาก  ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศการประชาสัมพันธ์
ขอขอบคุณภาพจาก     อินเตอร์เนต




                                                                           ด้วยความปรารถนาดีจากผู้เรียบเรียง

                                                                                        ปรัณชญา  สีสัมฤทธิ์









วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556

บทความและแง่คิด ของชีวิตที่กำลังก้าวเดิน




            ชีวิตของคนเรา จะขาดอะไรก็ขาดได้ แต่อย่าขาดกำลังใจ


Never give up on something you really want.
However impossible things my seem,
There's always a way.

อย่ายอมแพ้ที่จะทำตามฝัน
แม้ว่ามันดูยากเกินจะเป็นความจริงได้
จำไว้เถอะว่า ทุกอย่างมีหนทางและความเป็นไปได้ด้วยกันทั้งนั้น







Do not allow what you cannot do,
Interfere with what you can do.
You can reach your dreams faster
Doing things you're good at.

อย่าปล่อยให้สิ่งที่คุณทำไม่ได้
มาเป็นอุปสรรคในการทำสิ่งที่คุณทำได้
คุณสามารถเอื้อมคว้าความฝันให้เร็วขึ้นได้
หากเลือกทำในสิ่งที่คุณรัก







Break free from negative people
Because negativity has a way of passing
From person to person
And they will drag you down with them.

พยายามออกห่างจากคนมองโลกในแง่ร้าย
เพราะการมองโลกในแง่ร้ายนั้นสามารถติดต่อกันได้
และมันจะทำให้คุณตกต่ำลงไปด้วย







Never miss the opportunity to follow your dreams.
Older people who are unhappy with life
Are those with regrets.

อย่าปล่อยโอกาสที่จะทำตามฝันหลุดลอยไป
เพราะเมื่อเวลาผ่านไป คุณอาจต้องอยู่กับชีวิตบั้นปลายที่ไร้ความสุข
จากการเสียดายโอกาสที่ผ่านไปแล้วและไม่มีวันหวนกลับมาอีก

 






People can't love and appreciate others,
If they cannot love and appreciate themselves.

คนเราไม่อาจรักและเห็นคุณค่าของใครได้
หากยังไม่รู้จักรักและเห็นคุณค่าของตัวเอง  

 







People grow through experience
If they meet life honestly and courageously.
This is how character is built.

คนเราเติบโตขึ้นได้จากประสบการณ์
หากเราเลือกที่จะเผชิญชีวิตอย่างซื่อสัตย์และกล้าหาญ
และนั่นคือสิ่งที่หล่อหลอมให้เราเป็นเราอย่างทุกวันนี้








Good things can come
From unexpected places.

บางครั้งสิ่งดี ๆ ก็อาจมาจากที่ซึ่งคุณคาดไม่ถึง







You might meet a hundred acquaintances
Just to find a few special friend.

คุณอาจต้องทำความรู้จักกับผู้คนนับร้อย
กว่าจะได้พบเพื่อนแท้เพียงไม่กี่คน

 





Never take for granted
All the things you have today
And most of all,
Enjoy what you have everyday.

อย่าทำให้วันของคุณสูญเปล่า
จงมีความสุขกับสิ่งที่คุณมีในทุก ๆ วัน

 






 
The tragedy in life doesn't lie in not reaching your goal.
The tragedy lies in not having a goal to reach.

เรื่องเศร้าในชีวิตไม่ใช่การที่เราไปไม่ถึงฝัน
แต่เป็นการที่เราอยู่โดยไม่มีความฝันต่างหาก






ขอให้ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความหวัง  ก้าวเดินต่อไปด้วยหัวใจที่กล้าแกร่ง


จะคอยเป็นกำลังใจ ให้เพื่อนๆ ทุกคน ชีวิตเราอาจขาดบางสิ่งได้


แต่อย่าขาดกำลังใจนะคะ  


 ปรัณชญา  สีสัมฤทธิ์






เครดิต....     ภาพ จากกูเกิ้ล 
ข้อความจาก .....  ผู้เขียนเอง
   และ...          กระปุกดอทคอม 



เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ





                            เครื่องดื่มตามกรุ๊ปเลือด....สูตรง่ายๆคลายร้อน








                                                             สับปะรดสมู้ทตี้ เพื่อคนกรุ๊ป A

                      ส่วนผสม

                                      ***    โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย

                                      ***    สับปะรด 1 ถ้วย

                                      ***    น้ำสับปะรด 1/2 ถ้วย


                                                ใบมิ้นท์ พอประมาณ

                      วิธีทำ : ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน เสร็จแล้วเทใส่แก้วประดับด้วยใบมิ้นท์

                      ประโยชน์ที่ได้รับ : แก้ปัญหาท้องผูก








                                                          กล้วยสมู้ทตี้ เพื่อคนกรุ๊ป B

                              ส่วนผสม

                                        ***  โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย

                                        ***  กล้วยสุก 1 ผล

                                        ***  น้ำสับปะรด            1/2 ถ้วย

                               วิธีทำ : ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน เทใส่แก้วแล้วตกแต่งด้วยใบมิ้นท์

                              ประโยชน์ที่ได้รับ : แก้ปัญหาท้องผูก







                                                           มิ้นท์สมู้ทตี้ เพื่อคนกรุ๊ป AB

                 ส่วนผสม

                                ***  โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย

                                ***   มิ้นท์สด 1/4 ถ้วย

                                ***   น้ำเปล่า 1 ถ้วย
 
                                ***   ยี่หร่า 1/2 ช้อนชา

                 วิธีทำ : ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ประดับความสวยงามด้วยชิ้นมะนาวฝาน

                ประโยชน์ที่ได้รับ : ช่วยระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี


                                              เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน, แก้ปัญหาท้องผูก






                                                   มะละกอ & กล้วยสมู้ทตี้ เพื่อคนกรุ๊ป O

                        ส่วนผสม

                                   ****   นมถั่วเหลือง 1 ถ้วย

                                   ****   กล้วยสุก 1 ผล

                                   ****   มะละกอสุก 1/2 ผล

                                   ****   น้ำสับปะรด 1/2 ถ้วย

                        วิธีทำ : หั่นกล้วยกับมะละกอชิ้นใหญ่ จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดปั่นเข้าด้วยกัน

                        ประโยชน์ที่ได้รับ : เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน, ปรับสมดุลให้ฮอร์โมนเพศหญิง,


                        กำจัดของเสียในร่างกาย ชะลอความแก่, แก้ปัญหาท้องผูก






                  จะเห็นได้ว่าทั้งน้ำผลไม้และสมูทตี้แตกต่างกันทั้งความเข้มข้นและลักษณะของน้ำ

                 ผลไม้เมื่อทำออกมาเสร็จสรรพ โดยที่น้ำผลไม้จะใช้ผลไม้หรือผักสดมาสกัดน้ำออก

                     ด้วยเครื่องสกัดน้ำผลไม้หรือ เครื่องคั้นน้ำผลไม้ และทิ้งกากซึ่งเป็นไฟเบอร์ไป

                         ในทางตรงกันข้ามการทำสมูทตี้เป็นการนำเนื้อของผลไม้มาปั่นรวมกัน

                               ซึ่งประกอบไปด้วยไฟเบอร์และเหมาะจะใช้ดื่มเป็นอาหารเช้า

                                        ส่วนน้ำผลไม้ควรดื่มเป็นอย่างแรกของมื้ออาหาร



                    อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีความแตกต่างระหว่างน้ำผลไม้และสมู้ทตี้กันตรงที่

              กระบวนการทำ หากแต่ทั้งสองประเภทก็ล้วนแต่มีคุณค่าและประโยชน์ต่อร่างกาย

            ทั้งนี้ในน้ำผลไม้จะให้คุณค่าต่อร่างกายได้เร็วมาก นั่นก็เป็นเพราะว่าร่างกายของเรา

    จะดูดซึมน้ำผลไม้ได้เพียงไม่ถึงนาที และไม่มีไฟเบอร์หรือกากอาหารให้ร่างกายได้ย่อยนั่นเอง

        นอกจากนี้  นี่ยังเป็นวิธีรับเอาสารอาหารอย่างวิตามินแร่ธาตุ เอนไซม์และสารอาหารต่างๆ

      จากผลไม้หรือผักสดอย่างสูงสุดโดยหลังจากที่ดื่มน้ำผลไม้แล้วคุณจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า

              ขึ้นมาทันทีและหากดื่มน้ำผลไม้เป็นประจำทุกวัน ก็จะเป็นการทำให้ร่างกาย

                       ของคุณได้รับสารธรรมชาติซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้ สุขภาพแข็งแรง

                                   และยังช่วยป้องกันสารพิษและโรคร้ายต่าง ๆ






                            ในทางกลับกันสมู้ทตี้นั้นจะอุดมไปด้วย ไฟเบอร์ ซึ่งถือได้ว่า

           เป็นสารอาหารตัวหนึ่งที่สำคัญเช่นกัน โดยจะเหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานอาหาร

     ที่มีไฟเบอร์ นอกจากนี้ไฟเบอร์ไม่เพียงแต่ช่วยให้อวัยวะภายในของเราได้ทำงานตลอดเวลา

      เท่านั้น   หากแต่ไฟเบอร์ยังช่วยคงระดับแบคทีเรียในร่างกายให้มีปริมาณที่พอเหมาะและ

      เมื่อผสมนมหรือโยเกิร์ตลงไปดังสูตรของสมู้ทตี้ครีม ก็จะยิ่งทำให้ร่างกายได้รับโปรตีน

                                   ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับร่างกาย




                                "การรับประทานพืช ผัก ผลไม้สมุนไพร จะดีต่อสุขภาพมาก

                    เพราะเส้นใยจากพืช ผัก ผลไม้จะช่วยระบบย่อยอาหารไม่ให้เกิดอาการท้องผูก

                               ลดคอเลสเตอรอลในเลือด โรคหัวใจ และอื่นๆ อีกมากมาย"


                                                  สรรพคุณของสมุนไพรต่างๆ มีดังนี้

  ***     สับปะรด ช่วยย่อยอาหาร มีโพแทสเซียมสูง ช่วยป้องกันการและลดความดันโลหิตสูง

  ***     แอปเปิ้ล มีเพคตินช่วยจับคอเลสเตอรอล ทำให้คอเลสเตอรอลในเส้นเลือดลดลง 


             ควบคุมน้ำตาลในเลือด บำรุงหัวใจ

 ***      ดอกกระเจี๊ยบ ทำให้ชุ่มคอ ช่วยย่อยอาหาร หล่อลื่นลำไส้ ขับปัสสาวะและช่วยป้องกันนิ่ว


            โรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ

 ***     สะระแหน่ น้ำมันใบสาระแหน่ให้กลิ่นหอม ถอนพิษไข้ ขับลม ขับเหงื่อ อาการหวัดลมร้อน


            แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย คลายความเครียด รักษาอาการหน้ามืดตาลาย บำรุงสายตา
  ***    สตรอเบอรี่ วิตามินซีมีประโยชน์ต่อเหงือก และฟัน ช่วยทำให้ผิวสดชื่น และชุ่มชื้น

            ชะลอความแก่ แต่ถ้าใครชอบรับประทานสมุนไพรแบบประยุกต์ มีขั้นตอนการทำ

             "สมูทตี้สับปะรด สตอเบอรี่" มาแนะนำ

       ****  ส่วนผสม ประกอบด้วย สับปะรด 100 กรัม สตอเบอรี่ 50 กรัม น้ำผึ้ง 4 ช้อนโต๊ะ


      โยเกิร์ต รสสตอเบอรี่ ครึ่งถ้วยตวง เกลือ ครึ่งช้อนชา และน้ำแข็งละเอียด

       ****   วิธีทำ นำสับปะรด สตอเบอรี่ โยเกิร์ต น้ำผึ้ง และน้ำแข็งละเอียด ปั่นให้เข้ากัน


       เทใส่แก้ว ตกแต่งด้วยสตอเบอรี่





หันมาใส่ใจในสุขภาพ การรับประทานผักผลไม้กันนะคะ

เพื่อความสดใส สวยงาม ต่อร่างกายของเรา





 ด้วยความปรารถนาดีจากผู้เขียน


ปรัณชญา  สีสัมฤทธิ์














วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2556

เคล็ด(ไม่)ลับเพื่อสุขภาพ




                                                                   บร็อกโคลี่ 





           มีสรรพคุณต่อต้านมะเร็ง เนื่องจากมีวิตามินซีสูง บร็อกโคลี่ยังอุดมด้วยสารกลูโคซิโนเลต

             (glucosinolates) เช่นเดียวกับสารชัลโฟราเฟน (sulforaphane) ซึ่งจะช่วยตับขับสารพิษ

                            รับประทานดิบ ๆ โดยนำดอกบร็อกโคลีจิ้มกับซัลซ่า หรือฮุมมุส

                       (hummus - ทำจากถั่วชิกพีผสมงาและกระเทียมราดด้วยน้ำมันมะกอก)

                                                  จะนำไปผัด หรือนึ่งเสิร์ฟกับปลาย่าง


                                                              มันเทศ




                           อาหารที่หาได้ง่าย แถมยังให้ประโยชน์มากมายกับสุขภาพอีก

                           มันเทศเป็นแหล่งเบต้าแคโรทีนชั้นดีที่ช่วยในการบำรุงสายตา

                                  เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และที่หลาย ๆ คนคิดไม่ถึง

                                          คือ มันเทศมีสารต้านมะเร็งสูงอีกด้วยค่ะ




                                                                    กระหล่ำปลี



                                                         กะหล่ำปลี....ลดความอ้วน....


                                      ล่าสุดมีงานวิจัยสนับสนุนว่ากะหล่ำปลีมีกรดทาร์ทาริก
 
                                 ช่วยยับยั้งขัดขวางไม่ให้น้ำตาลและแป้งกลายไปเป็นไขมัน
                                  จึงช่วยลดน้ำหนักได้วิธีปรุง อาจรับประทานเป็นผักสลัด
                             เพราะกะหล่ำปลีดิบยังมีวิตามินซีสูง หากปรุง ควรปรุงด้วยการนึ่ง
                              อบไมโครเวฟ หรือผัด จะช่วยคงคุณค่าของสารอาหารไว้ได้ดีที่สุด

                              อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานแต่พอเหมาะ เพราะการรับประทาน

                                กะหล่ำปลีมากเกินไปอาจทำให้มีปัญหาเรื่องต่อมไทรอยด์ได้



                                                                         ถั่ว




ถั่วเป็นแหล่งของเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วย
ในการส่งผ่านออกซิเจนจากปอดไปยังเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย
โดยในถั่ว 1 ถ้วย จะให้ธาตุเหล็กประมาณ 16 มิลลิกรัม
ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่สูงเลยทีเดียว นอกจากนี้
ถั่วยังมีไฟเบอร์ช่วยให้ร่างกายขับถ่ายได้ง่ายอีกด้วย




                                                                    น้ำเต้าหู้

 

                                                                  แคลเซียม

                                        เป็นสารอาหารที่สำคัญที่สุดสำหรับกระดูกและฟัน

                                        โดยเฉพาะแคลเซียมในนมและผลิตภัณฑ์จากนม

                                        เช่น โยเกิร์ต เนยแข็งเป็นแคลเซียมที่ดูดซึมได้ดี

                               แต่ก็มักได้ไขมันเป็นของแถมหากเลือกเป็นนมพร่องมันเนย






                             นอกจากนี้ อาหารพื้นบ้านเช่นปลากรอบ กุ้งแห้ง กะปิ ผักใบเขียว

                              เต้าหู้แผ่น และถั่วเหลือง ก็จะเป็นอาหารที่มีแคลเซียมสูงเช่นกัน

                         โดยเฉพาะถั่วเหลือง นอกจากจะช่วยชะลอความเสื่อมของกระดูกแล้ว

                              ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมได้อีกด้วย.....





                                วันนี้สาระสุขภาพบ้านของญานำเสนอต่อท่านผู้อ่าน
 
                                    คิดว่าทุกๆท่าน คงได้สาระประโยชน์บ้างนะคะ

                                    เครดิตจากหนังสือ เคล็ด(ไม่)ลับเพื่อสุขภาพ

                                           ด้วยความปรารถนาดีจากผู้เขียน


                                                      ปรัณชญา  สีสัมฤทธิ์

       








                                          


ไมเกรน หายได้โดยไม่ต้องใช้ยา



                                                    แค่ปรับเปลี่ยนชีวิตก็พิชิตไมเกรนได้





         1. งดดื่มกาแฟตอนท้องว่าง ควรดื่มหลังจากอาหารเช้า หรือมื้ออื่นๆเรียบร้อยแล้ว

         2. หลีกเลี่ยงอาหารมัน เช่น ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ แกงกะทิ

         3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อประโยชน์ ในการขับถ่าย และสุขภาพที่ดี






         4. หลีกเลี่ยงการทานอาหารหลัง 4 ทุ่ม ไม่ทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

         5. ทานอาหารที่มีกากใยอาหาร  ทานผักผลไม้มากๆ



  

         6. อย่านั่งทำงานนานเกินไป ลุกเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง

         7. งดดื่มน้ำเย็นก่อนและหลังอาหาร   ห้ามดื่มน้ำก่อนอาหาร 15 นาที  

              เพื่อทำให้น้ำย่อยเข้มข้น แต่ดื่มได้นิดหน่อย เพื่อไม่ให้อาหารติดคอ






         8. งดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกประเภท

         9. ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างสม่ำเสมอค่ะ




                             ปรับเปลี่ยนชีวิตเล็กน้อย เพื่อสุขภาพที่ดี และหายจากอาการไมเกรน

                                 โดยที่เราไม่ต้องใช้ยา  ทำให้เป็นกิจวัตรนะคะ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า

                                           เครดิตจากหนังสือ ปรับเปลี่ยนชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดี




                                                          ด้วยความปรารถนาดีจาก ผู้เขียน

                                                                    ปรัณชญา   สีสัมฤทธิ์





วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556

การลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง



                          โรค มะเร็งเป็นโรคที่คร่าชีวิตคนไทยไปแล้วถึงปีละ 6 หมื่นกว่าคน 
 
                                ดังนั้นวันนี้ผู้เขียนจึงมานำเสนอวิธีการดำเนินชีวิตง่ายๆ

                                ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง ดังนี้




                             1.ดื่มน้ำที่สะอาด การ ลดสารที่ก่อตัวทำให้เกิดโรคมะเร็งวิธีหนึ่ง

                                 คือการดื่มน้ำที่สะอาด จากการศึกษาที่เพิ่มค้นพบใหม่

                                    จากสถิติของสถาบันมะเร็งพบว่าการดื่มน้ำสะอาด

                                  จากเครื่องกรองจะดีกว่าการดื่มน้ำจากขวดพลาสติก

                                  ที่มีคุณภาพน้ำต่ำกว่า มาตรฐาน และจากการศึกษา

                             ของสมาคมสิ่งแวดล้อมพบว่าการเก็บรักษาน้ำในเหยือกแก้ว

                          หรือภาชนะสเตนเลส จะดีกว่าการเก็บรักษาในภาชนะพลาสติก





                               2.พยายามหลีกเลี่ยงการสูดดมหรือสัมผัสก๊าซขณะเติมน้ำมันรถ

                                          เพราะสารพิษที่อยู่ในอากาศสามารถเข้าสู่ปอด

                                         และหากกระเด็นสู่ผิวหนังจะทำให้เกิดมะเร็งได้






                                                    3.การหมักเนื้อสัตว์ก่อนการปรุงอาหาร

                                      การ ทำอาหารประเภทปิ้งย่างนั้นหากไหม้หรือมีเศษสีดำ

                                           ของการเผาของถ่านติดอยู่จะทำ ให้เกิดมะเร็งได้

                              ดังนั้นหากจะทำการปิ้งย่างอาหาร งานวิจัยของมหาวิทยาลัย Kansas

                         พบว่าการหมักเนื้อสัตว์เหล่านั้นก่อนการปิ้งย่างอย่างน้อยประมาณ 1 ชั่วโมง

                                        สามารถลดสารก่อมะเร็งจากการปิ้งย่างเผาได้ถึง 87%





                                                 4.ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำอย่างพอเพียง

                                   สามารถลดความเข้มข้นของการขับถ่ายปัสสาวะได้และลดมะเร็ง

                                                    ที่อาจเกิดขึ้นกับกระเพาะปัสสาวะได้ด้วย

                                                     ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวันหรือให้

                                                 ปริมาณปัสสาวะมีสีเจือจางเมื่อขับถ่ายทุกครั้ง





                                      5.รับประทานผักผลไม้สีเขียว เพราะ สารแมกนีเซียมจากพืช

                                          ผักสีเขียวช่วยลดมะเร็งลำไส้ได้โดยเฉพาะสุภาพสตรี

                                                อีกทั้งการได้รับสารแมกนีเซียมที่เพียงพอ

                                               จะช่วยให้เซลล์ในร่างกายทำงานอย่างปกติ

                                   การรับประทานผักขมหรือบร็อคโคลี่ครึ่งถ้วยต่อวันให้ปริมาณ

                                  แมกนิเซียม 75 มิลลิกรัม ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายค่ะ







                                                    6.ออกกำลังกายลดการเกิดมะเร็งเต้านม

                                          การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยเผาผลาญไขมัน

                                    ดังนั้นการออกกำลังกายโดยการเดินเร็วอย่างน้อย 2 ชั่วโมง

                                            ต่อสัปดาห์ช่วยลดการเกิดมะเร็งเต้านมได้ถึง 18%






                                            7.ลดการส่งเสื้อผ้าไปซักแห้ง จาก การวิจัยของ

                                             National Academies of Science เมื่อต้นปี 2010

                                ระบุว่าการซักแห้งหรือซักน้ำมันโดยสาร perc (perchloroethylene)

                                       จะมีผลให้เกิดการก่อสารมะเร็งต่อปอด ไตและตับได้

                                          เมื่อสูดดมเป็นเวลานาน ดังนั้นการใช้สารซักแห้ง

                                           ซักน้ำมันที่ทำให้ผ้าเรียบอาจไม่ปลอดภัยอีกแล้ว




                                      8.ลดการใช้ปริมาณสารเคมีต่างๆ ไม่ ว่าจะเป็นสารฟอกขาว

                                           สารเคมีในการขัดห้องน้ำ สารขจัดคราบสกปรกต่างๆ

                                                    เพราะหากใช้สารเหล่านั้นเป็นเวลานาน

                                                  การสูดดมหรือสัมผัสจะก่อให้เกิดมะเร็งได้

                          การทำความสะอาดห้องน้ำโดยใช้น้ำส้มสายชูก็เป็นทางเลือกใหม่ที่ดีไม่น้อย








  9.หลีกเลี่ยงการผ่านสารรังสี

                                         ไม่ว่าจะเป็นการฉายแสงตรวจดูมะเร็งเต้านมประจำปี

                                               การทำแมมโมแกรม เพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้

                            ก่อให้เกิดมะเร็งถึง 4-5 เท่าเลยทีเดียว การตรวจมะเร็งโดยใช้วิธีคลำหา

                                และไม่ผ่านรังสีอาจช่วยลดความเสี่ยงภาวะการเกิดมะเร็งได้ดีกว่า





                                         10.ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือโดยการแนบหูเป็นเวลานาน

                                   เนื่องจากสัญญาณโทรศัพท์มีคลื่นที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

                                                ดังนั้นการใช้โทรศัพท์โดยมีอุปกรณ์เสริม

                                            จะลดผลกระทบต่อระบบประสาทและสมองได้






                             รู้แบบนี้แล้ว เราก็สามารถอยู่อย่างระมัดระวังในการใช้ชีวิตประจำวัน

                 ได้เป็นอย่างดี  อันไหนที่มีผลร้ายต่อสุขภาพเราก็หลีกเลี่ยง หมั่นออกกำลังกาย

                  อย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารให้มีประโยชน์  ในเบื้องต้นก็สามารถช่วยเรา

                                             ให้ห่างไกลจากโรคร้ายอย่างมะเร็งได้ค่ะ



                            ขอขอบคุณสาระความรู้ จากหนังสือกินอยู่อย่างไร ไร้โรคภัยค่ะ

                                                  ด้วยความปรารถนาดีจาก ผู้เขียน

                                                            ปรัณชญา สีสัมฤทธิ์