อ่านง่ายเข้าใจเร็ว มารู้จักวิตามินซี กันดีกว่า
วิตามินซี vitamin C หรือ กรดแอล-แอสคอร์บิก
เป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ร่างกายไม่สามารถที่จะสร้างขึ้นเองได้
จึงจำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานเข้าไป
วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยเพิ่มภูมิชีวิตได้เป็นอย่างดี
เพราะสามารถป้องกันและรักษาการอักเสบอันเนื่องมาจากแบคทีเรียและไวรัสได้
แหล่งวิตามินซี
แหล่ง วิตามินซี มีมากในผักตระกูลกะหล่ำ การเก็บเกี่ยวผักผลไม้ตั้งแต่ยังไม่แก่จัด
ไม่สุกดี หรือนำไปผ่านการแปรรูป ไม่ว่าจะเป็นการตากแห้ง หมักดอง
จะทำลายวิตามินซีที่อยู่ในอาหารไปในปริมาณมาก
แต่เนื่องจากความร้อนสามารถทำลายวิตามินซีได้ง่าย จึงไม่ควรต้มหรือผัดนานเกินไป
แต่การแช่เย็นไม่ได้ทำให้ผักผลไม้สูญเสียวิตามินซี
แหล่งวิตามินในธรรมชาติ จำนวน และปริมาณสารอาหารที่ได้รับ
*** อะเซโรลาเชอรี่ น้ำหนัก 100 กรัม 1600 มิลิกรัม
*** ฝรั่ง น้ำหนัก 100 กรัม 230 มิลลิกรัม
*** สับปะรด 1 ชิ้นใหญ่(โดยเฉลี่ย) 20-30 มิลลิกรัม
*** กะหล่ำดอก น้ำหนัก 100 กรัม 49 มิลลิกรัม
*** บรอกโคลี่น้ำหนัก 100 กรัม 84 มิลลิกรัม
*** น้ำมะนาว 1 แก้ว(100 กรัม) 34 มิลลิกรัม
*** มันฝรั่ง น้ำหนัก 100 กรัม 21.3 มิลลิกรัม
*** กะหล่ำปลี น้ำหนัก 100 กรัม 49 มิลลิกรัม
*** กล้วยชนิดต่างๆ 1 ลูก(โดยเฉลี่ย) 8.5 มิลลิกรัม
*** พริกหวาน 1 เม็ด(โดยเฉลี่ย) 100-120 มิลลิกรัม
*** ผักโขม น้ำหนัก 100 กรัม 76.5 มิลลิกรัม
*** สตรอเบอร์รี่ น้ำหนัก 100 กรัม 77 มิลลิกรัม
*** มะเขือเทศ น้ำหนัก 100 กรัม 21.3 มิลลิกรัม
*** มะละกอ น้ำหนัก 100 กรัม 60 มิลลิกรัม
โทษและอันตรายจากการขาดวิตามินซี
ผู้ที่ขาดวิตามินซี มักมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดตามข้อต่อของร่างกาย
เลือดออกตามไรฟัน เจ็บกระดูก แผลหายช้า
เนื่องจากวิตามินซีทำหน้าที่ต่อต้านการอักเสบและช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
ของร่างกาย การได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอจะทำให้เส้นเลือดในร่างกายอ่อนแอ
และทำให้บาดแผลที่เกิดขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกายหายช้ากว่าปกติ
เป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย
วิตามิน ซี มีคุณสมบัติ
****เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หรือตัวต่อต้านสารก่อมะเร็ง
และช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และวิตามินซี
ยังช่วยให้ร่างกายสามารถรีไซเคิลสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ
ดังนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดจึงควรที่จะรับประทาน วิตามินซี
ร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ เช่น วิตามินอี แคโรทีน ฟลาโวนอย เป็นต้น
ถ้าร่างกายขาดวิตามินซี จะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายลดต่ำลง
และทำให้ ติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ง่าย เป็นโรคลักปิดลักเปิด
ในกรณีของเด็กหรือผู้สูงอายุที่ได้รับวิตามินซีน้อยกว่าวันละ 10 มิลลิกรัม
อาจทำให้เป็นโรคลักปิดลักเปิดได้ หากร่างกายขาดวิตามินซีมากเกินปกติ
อาจทำให้มีลูกยาก เป็นโรคโลหิตจางและมีภาวะความผิดปกติทางจิตได้
ประโยชน์ของวิตามินซี
- วิตามินซี ช่วยบรรเทาความรุนแรงและระยะเวลาของการเป็นโรคหวัด
หากเริ่มรับประทานวิตามินซีตั้งแต่เริ่มแรกที่เห็นอาการของโรคหวัด
จะช่วยให้อาการป่วยลดความรุนแรงและหายได้เร็วขึ้น มีการศึกษาเมื่อปี 1995
พบว่าหากรับประทานวิตามินซี 1,000 ถึง 6,000 มิลลิกรัมต่อวัน
ตั้งแต่เริ่มมีอาการของโรคหวัดจะช่วยให้หายได้เร็วขึ้น 21% แต่ก็ยังไม่มีรายงานว่า
วิตามินซีสามารถช่วยป้องกันโรคหวัดได้
- วิตามินซีช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้นเนื่องจากวิตามินซีช่วยให้ร่างกาย
ซ่อมแซมและรักษาตัวเองโดยการไปเสริมสร้างผนังเซลล์
ทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรงและต่อต้านอาการอักเสบจึงทำให้แผลหายได้เร็วขึ้น
ในทางกลับกันการขาดวิตามินซีก็ส่งผลให้แผลให้ได้ช้าลงเช่นกัน
- หากรับประทานวิตามินซีเป็นประจำทุกวัน มันจะช่วยให้เหงือกมีสุขภาพแข็งแรง
โดยวิตามินซีจะไปช่วยรักษาเซลล์ที่ถูกทำลายและช่วยให้แผลที่เหงือกหายเร็ว
- เพิ่มความต้านทานต่อโรคหัวใจ โดยการไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุม
ระดับคลอเรสเตอรอลในร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับประทานร่วมกับวิตามินอี
โดยมันจะไปลดการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด
- เนื่องจากวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีมันจึงอาจจะช่วยในการป้องกัน
และต่อสู้กับโรคมะเร็งได้ มีการศึกษาอย่างมากในเรื่องนี้แต่ก็ยังไม่ข้อสรุปที่ชัดเจน
โดยยังมีการถกเถียงกันอย่างมากเกี่ยววิตามินซีกับการป้องกันและต่อสู้กับโรคมะเร็ง
- ช่วยในการป้องกันโรคต้อกระจก เนื่องจากวิตามินซีสามารถช่วยปกป้องเลนส์ตา
จากอันตรายต่างๆ เช่น ควันบุหรี่ แสงอุลตร้าไวโอเลต ที่เป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดโรคต้อกระจก
มีการศึกษาอันหนึ่งพบว่าผู้หญิงที่รับประทานวิตามินซีมาอย่างน้อย 10 ปี
พบว่ามีความเสี่ยงที่จะมีอาการเลนส์ตาขุ่นมัวซึ่งเป็นอาการเริ่มแรกของโรคต้อกระจก
ลดลงถึง 77%
- บรรเทาอาการแพ้ หอบหืด ไซนัส ทั้งนี้เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้ววิตามินซี
มีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านภูมิแพ้ต่างๆ เช่น ฝุ่นละออง เกษรดอกไม้
ซึ่งอาการแพ้เหล่านี้ก็เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของโรคไซนัส นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า
วิตามินซีช่วยป้องกันและทำให้อาการหอบหืดดีขึ้น
- ช่วยป้องกันอาการไมเกรนเมื่อรับประทานร่วมกับ pantothenic acid โดยวิตามินซี
จะไปช่วยร่างกายในการต่อสู้กับความเครียดได้ดีขึ้น
- ช่วยเรื่องความจำ โดยวิตามินซีจะไปช่วยรักษาสภาพของเซลล์ประสาท
และจะได้ผลดียิ่งขึ้นหากรับประทานร่วมกับอาหารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ
เช่น วิตามินอี แคโรทีน กิงโกะไบโลบ้า และโคเอนไซม์ Q10
โทษของวิตามินซี
- การรับประทานในปริมาณสูงๆ อาจจะมีผลต่อการผิดพลาดของผลตรวจระดับน้ำตาลในปัสสาวะได้
- วิตามินซีทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีจึงอาจจะเกิดภาวะได้รับธาตุเหล็กเกิน
- การรับประทานวิตามินซี เกินกว่าร่างกายต้องการ ในแต่ละวัน ร่างกายของเรา
มีกระบวนการจัดการกับวิตามินซีที่เหลือ คือการขับออกทางปัสสาวะ โดยธรรมชาติ
ไม่ต้องกังวลมากนะคะ..........